หากคุณต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกแห่งอนาคต “สินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงินดิจิทัล” แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน หรือควรเริ่มยังไงดีอยู่รึเปล่า? Bitesize จะช่วยตอบคำถามฮอตฮิตที่หลาย ๆ คน อาจสงสัยแต่อายเกินกว่าจะถาม หรือยุ่งเกินไปที่จะถาม ทั้งหมด 10 คำถามด้วยกัน มาเริ่มกันเลย!
อะไรคือสินทรัพย์ดิจิทัล?
สินทรัพย์ดิจิทัล หมายถึง สิ่งใด ๆ ที่มีอยู่ในข้อมูลเลขฐานสอง ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับใคร สามารถระบุค่าต่าง ๆ ได้โดยไม่ซ้ำกัน และมีมูลค่าที่พร้อมใช้งาน “สินทรัพย์ดิจิทัล” ถูกนิยามครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ์ที่ 90 โดยให้คำจำกัดความไว้ว่า สินทรัพย์ดิจิทัล คือ สื่อต่าง ๆ เช่น วิดีโอ รูปภาพ เสียง และเอกสารหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล หลังจากนั้น ในช่วงปลายทศวรรษ 2000 สินทรัพย์ดิจิทัลกลายมาเป็นตัวแทนสินทรัพย์ทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)” ซึ่งเกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchian)
สินทรัพย์ดิจิทัล/สกุลเงินดิจิทัล มีอยู่ที่ไหนบ้าง?
จากบรรดาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด พวกเรามั่นใจว่า “บิทคอยน์ (Bitcoin)” คือสกุลเงินดิจิทัลที่โด่งดังที่สุด บิทคอยน์ คิดค้นโดย Satoshi Nakamoto ผู้ซึ่งยังคงเป็นปริศนาเฉกเช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้น
โดยบิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกที่ได้รับความน่าเชื่อถือและการยอมรับอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้แล้วบิทคอยน์ยังมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูงที่สุดอีกแล้ว (ประมาณ 212 พันล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ก็ยังมีสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถใช้ทดแทนบิทคอยน์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, XRP, Litecoin, Bitcoin Cash และ Ripple แต่สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ เสมือนเป็นสกุลเงินบนโลก Sci-Fi มากกว่าเป็นสกุลเงินที่แลกเปลี่ยนกันบนตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเสียอีก อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า ในปัจจุบันพบว่ามีสกุลเงินดิจิทัลอยู่ประมาณ 5,000 สกุล และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ทำไมบิทคอยน์ (หรือ Altcoins สกุลต่าง ๆ) จึงมีค่า?
ในปัจจุบัน 1 บิทคอยน์มีมูลค่าประมาณ 11,500 เหรียญสหรัฐ แต่ในช่วงแรกเริ่มนั้นบิทคอยน์แทบจะไม่มีมูลค่าอะไรเลย ทำให้นักลงทุนรุ่นแรก ๆ กลายเป็นเศรษฐีกันถ้วนหน้า เมื่อมูลค่าของบิทคอยน์นั้นแตะระดับสูงถึง 20,000 เหรียญสหรัฐในปีค.ศ. 2017 ทั้งนี้เหตุผลหลักที่ทำให้บิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีมูลค่าสูง เพราะสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ ถือเป็นวิธีการโอนเงินทางอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งถูกควบคุมโดยเครือข่ายแบบกระจายอำนาจและข้อมูล อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างโปร่งใส
ประการแรก บิทคอยน์ มีคุณสมบัติเหมือนเงินทุกประการ ทั้งความทนทาน ความสามารถในการพกกา การใช้แทนกันได้ ความหายาก ความสามารถในการแบ่งหาร และการจดจำได้ แต่มีเพียง 21 ล้านบิทคอยน์เท่านั้น ที่มีความทนทาน ไม่สามารถทำซ้ำหรือทำลายได้ สามารถพกพาได้สะดวก และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นได้ (สามารถหารได้ด้วยเลขทศนิยม 8 หลัก)
บิทคอยน์ได้รับการสนับสนุนทางคณิตศาสตร์และไม่มีการผูกพันทางอำนาจส่วนกลาง สิ่งที่จำเป็นต่อบิทคอยน์คือการกำหนดรูปแบบเพื่อรักษามูลค่าบิทคอยน์ ให้มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งในกรณีนี้ของบิทคอยน์ สามารถวัดได้จากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น จำนวนร้านค้าที่รับสกุลเงินบิทคอยน์ เริ่มถึงธุรกิจสตาร์ทอัพต่าง ๆ เกี่ยวกับบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มูลค่าของบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้ที่ยินดีรับสกุลเงินนี้เท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้บิทคอยน์มีมูลค่าสูงและถือเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
สายเกินไปหรือไม่ ที่จะก้าวเข้าสู่วงการบิทคอยน์?
คำตอบนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการลงทุน หากต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่รวดเร็ว แต่ได้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย ก็ต้องลงทุนแบบซื้อมาขายไป ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรซื้อและเมื่อไหร่ควรขาย ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการศึกษาตลาดค่อนข้างนาน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนบิทคอยน์ไม่ใช่การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนและรวยได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่มันก็มีหลายกลยุทธิ์วิธีในการสร้างรายได้ด้วยบิทคอยน์ เช่น การขุดบิทคอยน์ การเก็งกำไร หรือการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ ที่รับสกุลเงินบิทคอยน์ ซึ่งวิธีการทั้งหมดนี้ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาดได้ แต่ไม่มีการรับประกันผลตอบแทนและกำไรที่จะได้รับ โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ลงทุนแต่ละคน ทั้งในด้านการประเมินค่าใช้จ่าย รวมถึงความยินดีรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
แต่หากต้องการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว และต้องการสร้างรายได้จากการลงทุนนี้ คุณควรจำและพึงระลึกไว้เสมอว่า บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนในด้านราคามากที่สุด และเป็นราคาที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย
และจากเหตุนี้ ก็ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในมูลค่าบิทคอยน์ของแต่ละคนต่างกัน รวมถึงความเชื่อในเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงที่ต่างกัน แต่ตามหลักโดยทั่วไปแล้วไม่มีสกุลเงินใดที่ถือได้ว่าปลอดภัย หากระบบนั้นมีปัญหาหรือล้มเหลว ทั้งนี้ทั้งนั้น บิทคอยน์ได้รับการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้ง และบิทคอยน์มีประสิทธิภาพและศักยภาพมากพอที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตของบิทคอยน์จะเป็นอย่างไรและเติบโตไปในทิศทางใด
ฉันจะซื้อเงินสกุลดิจิทัลในประเทศไทยได้จากที่ไหน ?
ถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่คุณสามารถซื้อ – ขายสกุลเงินดิจิทัลในตลาดหลัก ๆ ในประเทศไทยได้แล้ว ซึ่งมีการควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ไม่ว่าจะเป็น Zipmex, Bitkub, Satangpro และ Huobi โดยสามารถศึกษาค่าธรรมเนียมและมูลค่าราคาก่อนตัดสินใจได้ เนื่องจากอาจจะมีความแตกต่างกันไปตามสกุลเงินที่ใช้
Zipmex มีค่าธรรมเนียม 0% ซึ่งช่วยให้ผู้ค้ารายใหญ่สามารถประหยัดค่าธรรมเนียมได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับการแลกเปลี่ยนที่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อ – ขาย
ฉันจะถอนเงินสกุลดิจิทัลของฉันได้อย่างไร ?
วิธีการถอนเงินสกุลดิจิทัลที่ดีที่สุดคือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลด้วยกัน (Cryptocurrency exchanges) แต่คุณไม่จำเป็นต้องขายบนแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่คุณซื้อ ทั้งนี้ การศึกษาราคาและดูว่าแพลตฟอร์มใดมีราคาที่ดีที่สุด ก่อนทำการซื้อ – ขาย ก็ช่วยทำให้คุณได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อขายเงินสกุลดิจิทัลให้กับหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว เงินเหล่านั้นจะกลายเป็นเงินสกุลท้องถิ่นใด ๆ ตามที่คุณต้องการ ซึ่งคุณสามารถถอนเข้าบัญชีธนาคารไทยและใช้เป็นเงินสดได้ และโดยปกติเเล้วจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการแลกเปลี่ยน ซึ่งการแลกเปลี่ยนที่ดีและได้รับการควบคุม เช่น Zipmex จะทำให้คุณมั่นใจว่าเงินของคุณนั้นจะถูกเก็บในที่ที่ปลอดภัย
คริปโตโทเคน (Crypto token) คืออะไร ?
ความหมายที่แท้จริงของคริปโตโทเคน คือ สินทรัพย์ที่สามารถทดแทนกันได้ (ใช้แทนได้ แลกเปลี่ยนได้) และสามารถซื้อขายกันได้ หรือ สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ถูกสร้างขึ้นจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเคน ผ่านระบบบล็อกเชน คริปโตโทเคนไม่ได้เป็นสกุลเงินที่มีค่าด้วยตัวของมันเอง แต่เป็นสัญลักษณ์ของสัญญาที่มูลค่าของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขุดหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาด คริปโตโทเคนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่บนบล็อกเชน ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการสร้างและดำเนินการต่าง ๆ ของแอปพลิเคชันแบบกระจายข้อมูล (Decentralized Application: DApps) – แอปพลิเคชันที่ทำงานบนระบบการประมวลผลแบบกระจายและเทคโนโลยีสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts)
โทเคน มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ยูทิลิตี้โทเคน (Utility Token) เครดิตโทเคน (Credit tokens) และอิควิตี้โทเคน (Equity tokens) ซึ่งโทเคนทั้งหมดนี้ใช้แทนการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าอื่น ๆ
การระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) คืออะไร ?
การระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ผ่านระบบบล็อกเชนต่อสาธารณชน มีหลักการเช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ซึ่งเป็นวิธีการระดมทุนจากนักลงทุน โดยผู้เริ่มโครงการต้องการที่จะพัฒนาเหรียญสกุลใหม่ แอปพลิเคชันใหม่ หรือบริการใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)
โทเคนอาจมีผลประโยชน์บางอย่าง ในแง่ของการเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ริเริ่มโครงการนั้นสร้างขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการลงทุน (อาจเป็นอำนาจในการดำเนินการจากหน่วยงานที่ถูกกฎหมาย หรือ รหัสลับ) จากนักลงทุน นอกจากนี้ โทเคน ยังสามารถแสดงถึงสัดส่วนของการถือหุ้นในสิ่งนั้น ๆ หรือโครงการนั้น ๆ ที่กำลังจะสร้างขึ้น ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ถือโทเคนจะได้รับเงินปันผลหรือค่าคอมมิชชันแบบคงที่ และยังมีสิทธิ์ในการแลกเปลี่ยนความเห็นและตัดสินใจร่วมกันกับบริษัทฯ อีกด้วย
ตัวอย่าง บริษัท ICO ในประเทศไทย ได้แก่ เจมาร์ท (Jay Mart) ผู้จัดจำหน่ายมือถือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังมีบริการขายสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า “JFin” ผ่านการระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายโทเคน (ICO) แต่ก็ไม่มีการพัฒนาโครงการหรือมีการดำเนินการอะไรมากนัก นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการมา
กองทุนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency funds) คืออะไร ?
กองทุนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency funds) คือ เงินกองกลางจำนวนหนึ่ง จากนักลงทุนเจ้าต่าง ๆ ที่ใช้ในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ ซึ่งในปัจจุบัน กองทุนสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้เปิดตัวกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Fidelity’s Wise Origin Bitcoin Index Fund I, Grayscale’s Bitcoin Fund (GBTC) หรือแม้แต่บริษัทร่วมทุมชื่อดังอย่าง Andreessen Horowitz (a16z) ก็เพิ่งเปิดตัวกองทุนสกุลเงินดิจิทัลอีก 2 กองทุน เมื่อไม่นานมานี้ โดยกองทุนเหล่านี้จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสมาชิก เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเงินดิจิทัลอย่างมืออาชีพ
DeFi และ คริปโตแลนดิ้ง (Cryptocurrency lending) คืออะไร ?
เราเชื่อว่าในช่วงนี้คุณเคยเคยได้ยินคำว่า “DeFi” กันมาบ้างแล้ว
“DeFi” เป็นคำย่อที่มาจากคำว่า Decentralized Finance หมายถึง ระบบนิเวศของแอปพลิเคชันทางการเงินที่ได้ถูกพัฒนาบนระบบบล็อกเชน อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดระบบการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบโอเพน (open-source system) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ใหม่ ๆ ที่จะมาทดแทนการบริการทางการเงินในรูปแบบเดิม ๆ
การใช้งาน DeFi หลัก ๆ มี 3 ประการดังนี้
- การสร้างบริการทางการเงินเสมือนธนาคาร (Monetary banking services) เช่น การออกเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าคงที่ (Stablecoins)
- การให้กู้ยืมโดยตรง (Peer to Peer) หรือแบบรวมกลุ่ม (Pooled)
- การเปิดใช้งานเครื่องมือทางการเงินขั้นสูง เช่น แพลตฟอร์มการสร้างตัวแทนในรูปแบบดิจิทัลของสิ่งนั้น ๆ ขึ้นมา (Tokenization platforms) ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) และระบบปฏิบัติการ DEX (Desktop eXperience)
และนี้คือคำถามทั้งหมดที่พวกคุณอาจสงสัย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำตอบเหล่านี้จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณได้ก้าวเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างภาคภูมิ การเดินทางบนโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ เป็นการเดินทางที่ดุเดือด แต่สนุกสนานอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณต้องไม่ลืมที่จะปกปิดฐานข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณรู้ตัวว่าคุณกำลังทำอะไร